บันทึกการเรียนครั้งที่ 9
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2559
(เวลา 08.30 น. - 11.30 น.)
การนำเสนอวิจัย
การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทย ในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย ด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี
- การศึกษาระดับ ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
- มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต
- ปีที่ทำวิจัย ปีการศึกษา 2554
- ผู้วิจัย คุณแสงวิไล จารุวาที
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ ในเรื่องเสียงอักษร (Letter Sounds) ทักษะการผสมเสียงให้เป็นคำ(Blending Skills) และทักษะการแยกเสียงในคำ(Segmenting Skills)
2.เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองไทย โรงเรียนนานาชาติเซ นต์แอนดรูส์ สามัคคี
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ และแผนการดำเนินการใช้โปรแกรมที่ได้ จากการวิจัยนี้ โรงเรียนสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ ความเข้าใจในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย ให้สอดคล้องไปกับการ เรียนการสอนของทางโรงเรียน
2.เพื่อส่งเสริมทักษะทางการอ่านภาษาอังกฤษ ของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมในโรงเรียนที่มีลักษณะและแนวการเรียนการสอนคล้ายคลึงกัน โดยดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพและความพร้อม ของโรงเรียนนั้นๆ
3.ช่วยให้ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการมีบทบาททางการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัย
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
1.กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้ปกครองชาวไทยของนักเรียนปฐมวัยอายุ 5-6 ปีที่ กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น Year 1 (เทียบเท่าชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย) ปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี จังหวัดนนทบุรี ผู้วิจัยใช้การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจง ได้จำนวน 11 คน คือ
1.1 มีลูกศึกษาในโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี มาแล้วไม่น้อยกว่า1ปี2.เนื้อหาของโปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
1.2 มีภาษาไทยเป็นภาษาแม่
1.3 สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
3.ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 9 สัปดาห์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 การทดสอบความสามารถทางโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัย
ขั้นที่ 2 การประชุมให้ความรู้ผู้ปกครองไทยที่เข้าร่วมการวิจัย เรื่องการ สอนภาษาแบบโฟนิกส์
ขั้นที่ 3 การปฏิบัติการใช้กิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาทักษะของเด็กปฐมวัย
ขั้นที่ 4 การทดสอบความสามารถทางโฟนิกส์ ด้วยการฟังเสียงอักษร การผสมเสียง การแยกแยะเสียง และการถอดรหัสเสียงอักษรในคำ
ขั้นที่ 5 และประเมิน ผลการปฏิบัติตาม โปรแกรมการส่งเสริมทักษะทาง โฟนิกส์โดย ผู้ปกครองไทยโดยการสัมภาษณ์ผู้ปกครอง)
4.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
4.1 โปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยโดยการประชุมปฏิบัติการเรื่องการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาแบบโฟนิกส์ด้วยกิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาทักษะ
4.2 แบบทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์สำหรับเด็กปฐมวัย
4.3 แบบสัมภาษณ์ประเมินการใช้โปรแกรมของผู้ปกครองชาวไทย
การส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยนิยามศัพท์เฉพาะ
1.โปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครอง หมายถึง การให้ความรู้ในเรื่องเสียงอักษร ภาษาอังกฤษและแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะการออกเสียงอักษร การผสมเสียงให้เป็นคำ และทักษะการแยกเสียงในคำ
2.ผู้ปกครองไทย หมายถึง บิดา มารดา หรือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับเด็กในครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูแทนบิดามารดา
3.การส่งเสริมทักษะทางการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ หมายถึง การสนับสนุนและเอาใจใส่ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมสำหรับฝึกและพัฒนาความสามารถในการแปลทางอักษรภาษาอังกฤษและอ่านออกเสียง ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง
4.เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงมีอายุระหว่าง 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ ระดับชั้น Year 1 ( เทียบเท่าระดับชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย) ในโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี
5.การสอนภาษาแบบโฟนิกส์ หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อฝึกและ พัฒนาการออกเสียงอักษรคำในภาษาอังกฤษ
6.โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี หมายถึง โรงเรียนระดับอนุบาลและ ประถมศึกษาที่6 ที่มีนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติ(อังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ไทย) การสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ซึ่งโรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณถนนสามัคคี อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรีปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนประมาณ 120 คน
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร
เด็กปฐมวัยอายุ 5–6 ปี ที่กำลังศึกษา อยู่ในระดับชั้น Year 1 (ซึ่งเทียบเท่าระดับชั้นอนุบาล 3 ในระบบการศึกษาไทย) โรงเรียนนานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ สามัคคีปีการศึกษา 2553จำนวนทั้งสิ้น 14 คน
กลุ่มตัวอย่าง
ผู้วิจัยใช้การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 11 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.โปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะทางการอ่าน ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟนิกส์
2.แบบทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์สำหรับเด็กปฐมวัย
3.แบบสัมภาษณ์ประเมินการใช้โปรแกรมของผู้ปกครองชาวไทย
การดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยใช้ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งสิ้น 9 สัปดาห์
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลนำเสนอในรูปตารางสำหรับข้อมูลเชิงปริมาณ และ นำเสนอในรูปการบรรยายแบบความเรียงสำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.วิเคราะห์ผลคะแนนความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ ด้วยการหาค่าเฉลี่ย ผลต่างคะแนน และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยผลต่างคะแนนความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมแบบโฟนิกส์ โดยทดสอบค่าที(t-test) แบบDependent Sample ที่ระดับความมีนัยสำคัญที่ .01 แล้วนำเสนอในรูปตารางประกอบความเรียง 2.วิเคราะห์การประเมินการดำเนินการตามโปรแกรมการส่งเสริมทักษะการอ่าน ภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ปัญหาที่พบ ข้อเสนอแนะโดยผู้ปกครอง ชาวไทย จากแบบสัมภาษณ์โดย สรุปรวบรวม เรียบเรียง จัดคำตอบต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่แล้วนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในรูป ตาราง ความถี่ประกอบการบรรยายแบบความเรียงตามประเด็นต่างๆ
วัตถุประสงค์ที่ 1
- เพื่อพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้ผู้ปกครองไทยเรื่องการส่งเสริมทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนแบบภาษาโฟนิกส์ ในเรื่องเสียงอักษร ทักษะการผสมเสียงให้เป็นคำ และทักษะการแยกเสียงในคำ
- ผู้ปกครองทุกคนให้ความสนใจในเรื่องการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ ร่วมแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการสอนภาษาแบบโฟนิกส์ในมุมมองของตน ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของตนในฐานะผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
- ผู้ปกครองแสดงความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เสียงอักษร ฝึกฝนและพยายามจำเสียงอักษรให้ได้ทุกตัวผ่านการเชื่อมโยงกับศัพท์ที่คุ้นเคย ผู้ปกครองแสดงให้เห็นว่าการฝึกฝนช่วยทำให้ดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การที่เด็กได้ฝึกฝนเพิ่มที่บ้านจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น และผู้ปกครองก็เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ
- เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมทักษะทางการออกเสียงภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนแบบโฟนิกส์ของผู้ปกครองไทยโรงเรียนนานาชาติ เซนต์แอนดรูส์สามัคคี
- ผลจากการเปรียบเทียบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ของเด็กปฐมวัยที่เข้าร่วมโปรแกรมด้วยการทดสอบก่อน และหลังการทดลอง พบว่าหลังการเข้าร่วมโปรแกรม ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ ดำเนินการตามทุกขั้นตอนที่กำหนดไว้ในโปรแกรมอย่างครบถ้วน เมื่อดำเนินการครบแล้วได้หาคำศัพท์นอกเหนือจากที่กำหนดมาให้เด็กฝึกฝนเพิ่มเติม
1) ควรนำผลการวิจัยไปศึกษาในโรงเรียนที่มีบริบทต่างกันแต่ใช้การเรียนการสอนแบบโฟนิกส์เช่นเดียวกัน เช่น โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและกว้างขวางต่อไป
แหล่งอ้างอิง
แสงวิไล จารุวาที.2554. การพัฒนาและประเมินการใช้โปรแกรมการให้ ความรู้ผู้ปกครองไทย ในการส่งเสริมทักษะทางการอ่านออก เสียง ภาษาอังกฤษของเด็กปฐมวัยด้วยการสอนภาษาแบบโฟ นิกส์ โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์สามัคคี. (ออนไลน์).
แหล่งที่มา : http://tdc.thailis.or.th 18 กันยายน 2559
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำการสอนภาษาแบบโฟนิกไปใช้กับโรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนทั่วไปได้ โดยการปูพื้นฐานเด็กให้เกิดความเข้าใจและความรู้ที่ตรงกัน และในขั้นต่อไปคือสร้างพื้นฐานและความสามารถให้ตรงกับเด็กและสภาพแวดล้อมของโรงเรียนนั้น ๆ ได้
ประเมิน
ตัวเอง: ตอบคำถาม ออกไปนำเสนอ ได้ดี แต่มีผิดพลาดบ้าง แต่ได้ความรู้เรื่องการทำวิจัยจากกลุ่มอื่น
เพื่อน:มีการนำเสนอและถามตอบกัน มีส่วนร่วมอย่างดี
ครู:เปิดโอกาสให้ได้ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน มีความเป็นกันเอง แนะแนวทางที่ถูกต้องให้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น