บันทึกการเรียนครั้งที่ 4
วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม 2559
เวลา 08.30-11.30น.
ความรู้ที่ได้รับ
เกมการสื่อสาร
- เกมสื่อความหมาย : ตัวแทน 1 คน อ่านประโยคและทำท่า ส่งต่อจนครบ 5 คน
- เกมทายคำ: ตัวแทน 1 เป็นคนใบ้ 2 เป็นคนทาย 3 เป็นคนชูคำด้านหลัง
- เกมพรายกระซิบ : ตัวแทน 1 คน จำประโยค และบอกต่อจนครบ 5 คน
- เกม ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร่ อย่างไร กับใคร : ตัวแทน 6 คน เขียน คนละ 5 ข้อ
การสื่อสาร (Communication) : คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จากผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ความสำคัญของการสื่อสาร
- ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
- ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
- ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
- ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
- ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต
- รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล (Aristotle’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล (Lasswell’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์ (Shannon & Weaver’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์ (C.E Osgood and Willbur Schramm’s )
- รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของอริสโตเติล (Aristotle’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของลาล์สเวล (Lasswell’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของแชนนอนและวีเวอร์ (Shannon & Weaver’s Model of Communication)
- รูปแบบการสื่อสารของออสกูดและชแรมม์ (C.E Osgood and Willbur Schramm’s )
- รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s Model of Communication)
1. ผู้ส่งข่าวสาร (Sender)
2. ข้อมูลข่าวสาร (Message)
3. สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
4. ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
5. ความเข้าใจและการตอบสนอง
สื่อ : ใช้วิธีพูด เขียน หรือการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ เช่น ใช้รูปภาพ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ โดยวิธีการติดต่อนั้นต้องใช้ตัวกลางต่างๆ เช่น คลื่นเสียง ตัวหนังสือ แผ่นกระดาษที่มีตัวหนังสือเขียน คลื่นวิทยุโทรทัศน์ ตัวกลางเหล่านี้เรียกว่า สื่อ โดยการสื่อสารนั้นสามารถใช้สื่อหลายๆอย่างได้พร้อมๆกัน เช่น การเรียน การสอน ต้องใช้ทั้งหนังสือ กระดาน ภาพสาร : คือ เรื่องราวที่รับรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้อเท็จจริง ข้อแนะนำ การล้อเลียน ความปรารถนาดี ความห่วงใย มนุษย์จะแสดงออกมาให้เป็นที่รับรู้ได้ การสื่อสารจะเกิดขึ้นตามกาลเทศะ และสภาพแวดล้อมต่างๆในสังคม
วัตถุประสงค์ของการสื่อสาร
1. เพื่อแจ้งให้ทราบ
2. เพื่อความบันเทิงใจ
3. เพื่อชักจูงใจ
เกณฑ์ในการจำแนกประเภทการสื่อสาร 3 ประการ คือ
1. จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร
2. จำแนกตามภาษาสัญลักษณ์ที่แสดงออก
3. จำแนกตามจำนวนผู้สื่อสาร
1. จำแนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- การสื่อสารทางเดียว : การสื่อสารที่ข่าวสารจะถูกส่งจากผู้ส่งไปยังผู้รับในทิศทางเดียว
- การสื่อสารสองทาง : การสื่อสารที่มีการส่งข่าวสารตอบกลับไปมาระหว่างผู้สื่อสาร
- การสื่อสารเชิงวัจนะ : การสื่อสารด้วยการใช้ภาษาพูด หรือเขียนเป็นคำพูด
- การสื่อสารเชิงอวัจนะ : การสื่อสารโดยใช้รหัสสัญญาณอย่างอื่น เช่น ภาษาท่าทาง
3.1 การสื่อสารส่วนบุคคล (Intrapersonal Communication)
3.2 การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication)
3.3 การสื่อสารมวลชน (Mass Communication)
การสื่อสารกับตนเอง
- การสื่อสารที่บุคคลเดียวเป็นทั้งผู้ส่งสารและรับสาร
- การคิดหาเหตุผลโต้แย้งกับตนเองในใจ
- เนื้อหาไม่มีขอบเขตุจำกัด
- บางครั้งมีเสียงพึมพำดังออกมาบ้าง
- บางครั้งเกิดความขัดแย้งในใจและไม่อาจตัดสินใจได้
- อาจเป็นการปลอบใจตนเอง การเตือนตนเอง การวางแผน หรือแก้ปัญหาใดๆ
- บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่ถึงกับเป็นกลุ่ม
- เป็นเรื่องเฉพาะระหว่างบุคคล อาจไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
- อาจเป็นความลับระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารเท่านั้น
- สารที่สื่ออาจเปิดเผยหากมีประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
- มีเป้าหมายจะส่งสารสู่สาธารณชน
- มีเนื้อหาที่อาจให้ความรู้และเป็นประโยชน์ ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
- เป็นความคิดที่มีคุณค่าและเปิดเผยได้โดยไม่จำกัดเวลา
- เช่น การบรรยาย การปาฐกถา การอมรม การสอนในชั้นเรียน
- การสื่อสารมวลชน
- ต้องอาศัยสื่อที่มีอำนาจการกระจายสูง รวดเร็ว กว้างขวาง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ดาวเทียมและสื่อมวลชน
- ต้องคัดเลือกเฉพาะข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็นที่เห็นว่าควรนำเสนอ
- อาจสนองความต้องการและความจำเป็นของมวลชนมากหรือน้อยได้
- เป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐานของมนุษย์
- ประสิทธิภาพของการสื่อสารขึ้นอยู่กับความตั้งใจดีของสมาชิกในครอบครัว
- คุณธรรมที่ดีงามในครอบครัวจะช่วยพัฒนาการสื่อสารไปในทางดีงามเสมอ
- ต้องยอมรับและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
- คนต่างรุ่นต่างวัยในครอบครัวต้องพยายามทำความเข้าใจให้ตรงกัน
- ควรคำนึงถึงมารยาทที่ดีงามอยู่เสมอ
- ส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารกับบุคคลที่คุ้นเคย
- เนื้อหามักเกี่ยวกับวิชาการ พื้นฐานอาชีพและหลักการดำเนินชีวิต
- มีทั้งการสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารในกลุ่มและการสื่อสารสาธารณะ
- อาจใช้เวลานานเพราะเรื่องราวมีปริมาณมาก
- อาจมีโอกาสโต้แย้งถกเถียง ควรยอมรับข้อเท็จจริงและไม่ใช้อารมณ์
- ข้อเท็จจริงและข้อสรุปบางเรื่องไม่ควรนำไปเผยแพร่
- ควรระมัดระวังคำพูดและกิริยามารยาท
- คุณธรรมด้านความซื่อสัตย์และการยอมรับอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญ
- เริ่มด้วยการทักทายตามสภาพของสังคมนั้นๆ
- การแสดงความยินดีหรือเสียใจ ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกินไป
- การติดต่อกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อนควรพูดให้ตรงประเด็นและสุภาพพอควร
- การคบหากับชาวต่างประเทศ ควรศึกษาประเพณีและมารยาทที่สำคัญๆของกันและกัน
- ออเออร์บาค (Auerbach,1968) ได้กล่าวถึงธรรมชาติของผู้ปกครองไว้ดังนี้
- ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้
- ผู้ปกครองมีความต้องการที่จะเรียนรู้
- ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสิ่งที่เขาสนใจ
- การเรียนรู้จะมีความหมายที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวของผู้ปกครอง
- การมีอิสระในการเรียนรู้จะทำให้ผู้ปกครองเรียนรู้ได้ดีที่สุด
- ผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ได้จากกันและกัน
- การให้ความรู้กับผู้ปกครองถือเป็นการให้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ปกครอง
- เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
- มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
- เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
- ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
- เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
- ความพร้อม คือ สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้
- ความต้องการ คือ ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข
- อารมณ์และการปรับตัว คือ แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งทางบวกและลบ
- การจูงใจ คือ การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
- การเสริมแรง คือ การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง เช่น คำชมเชย รางวัล
- ทัศนคติและความสนใจ คือ การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ
- ความถนัด คือ ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ส่งข่าวสารขาดทักษะในการสื่อสารที่ดี เช่นใช้ภาษาที่อยากแก่การเข้าใจ หรือไม่เหมาะแก่ผู้รับ
- ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป
- ได้ข่าวสารไม่ครบสมบูรณ์ ทำให้สื่อความหมายผิดๆ
- ข้อมูลที่ส่งไปผ่านหลายขั้นตอน
- เลือกใช้เครื่องมือในการส่งข่าวสารไม่เหมาะสม
- รีบเร่งด่วนสรุปข่าวสารเร็วเกินไป ขาดการไตร่ตรอง
- ผู้รับข่าวสารไม่ทบทวน หรือสอบถามให้เข้าใจเมื่อสงสัย
- อารมณ์ของผู้รับ หรือผู้ส่งอยู่ในสภาพไม่ปกติ
- ผู้ส่งหรือผู้รับมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น
- Credibility ความน่าเชื่อถือ
- Content เนื้อหาสาระ
- Clearly ความชัดเจน
- Context ความเหมาะสมกับโอกาส
- Channel ช่องทางการส่งสาร
- Continuity consistency ความต่อเนื่องและแน่นอน
- Clarity of audience ความสามารถของผู้รับสาร
- คุณธรรม คือ ความดีงามที่มีอยู่ในตัวบุคคล
- ต้องประกอบด้วยเหตุผลที่ดีของแต่ละบุคคล
- เกิดจากการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก
- เกิดจากการได้เห็น ได้ยิน ได้อ่าน
- เกิดจากการได้เห็นพฤติกรรมของคนที่เคารพรักเป็นแบบอย่าง
- ความมีสัจจะและไม่ล่วงละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน
- ความรัก ความเคารพและความปรารถนาดีต่อกัน
- ความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนพูดหรือกระทำ
พฤติกรรมด้านนอกของการสื่อสาร หมายถึงพฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็นชัดเจน เช่นกิริยาอาการ การเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคำ การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรรวมทั้ง รูปภาพ แผนภูมิและการใช้วัตถุต่างๆ
- เป็นกิริยาวาจาที่เรียบร้อยถูกต้องตามคตินิยมของสังคม
- วิธีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง
- ศึกษาและพยายามทำตนให้เข้าใจกับผู้ปกครอง
- พยายามเรียนรู้ความต้องการของเขา และหาแนวทางตอบสนองตามความเหมาะสม
- พูดคุย พบปะกับผู้ปกครองในโอกาสต่างๆ
- หาโอกาสไปร่วมงานพิธีทางศาสนา เข้าร่วมกิจกรรมกับผู้ปกครอง
- ทำตนให้กลมกลืนกับผู้ปกครอง
- มีท่าทีเป็นมิตรอยู่เสมอ
- เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองร่วมกิจกรรม
คำถามท้ายบท
1. จงอธิบายความหมายและความสำคัญของการสื่อสารมาโดยสังเขป
ตอบ
- ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
- ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
- ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
- ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
- ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต
ตอบ เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง บ้านโรงเรียน ชุมชนและสังคมเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กร่วมกัน
3.รูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้ผู้ปกครอง ควรเป็นรูปแบบใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ
4.ธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครองควรมีลักษณะอย่างไร
ตอบ
- เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
- มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
- เรียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
- เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
- ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
- เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
5.ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก ประกอบด้วยปัจจัยด้านใดบ้าง
ตอบ
- ความพร้อม คือ สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้
- ความต้องการ คือ ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข
- อารมณ์และการปรับตัว คือ แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งทางบวกและลบ
- การจูงใจ คือ การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
- การเสริมแรง คือ การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง เช่น คำชมเชย รางวัล
- ทัศนคติและความสนใจ คือ การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ
- ความถนัด คือ ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำไปประยุกต์ใช้
- สามารถนำเกมไปใช้สำหรับเข้าสู่บทเรียน
- สามารถนำวิธีการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ปกครองไปใช้ในการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองได้ในอนาคต
- สามารถใช้ทฤษฏีมาอ้างอิงพฤติกรรมผู้ปกครองเพื่อการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเด็กให้ผู้ปกครองได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
ประเมินผล
ตนเอง : ร่วมกิจกรรมและเกมที่อาจารย์นำมา สนุกสนานมาก
เพื่อน : ร่วมกิจกรรมกันอย่างตั้งใจ มีความสุข สนุกสนาน บางกลุ่มอาจมาสาย
อาจารย์ : มีเกม กิจกรรม ให้มีส่วนร่วมทั้งชั้นเรียน บรรยากาศ สนุกสนาน น่าเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น